วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีทำน้ำข้าวกล้องงอก

ทำน้ำข้าวกล้องงอก คุณค่าทางอาหารที่น่าทำเป็นอาชีพ
เชื่อหรือไม่ว่าข้าวกล้องที่เราเห็นกันอยู่โดยทั่วไปนั้น เมื่อนำไปผ่านกรรมวิธีแช่น้ำให้ส่วนของจมูกข้าวงอกออกมา กลับยิ่งเพิ่มคุณค่าของข้าวให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม คุณค่าที่เพิ่มนั้นก็คือสาร กาบา หรือ GABA ซึ่งนักวิจัยไทยได้ค้นพบนวัตกรรมใหม่ผลิตข้าวกล้องงอกออกมาระยะหนึ่งแล้ว ?กาบา? นั้นเป็นสารที่เกิดขึ้นในเมล็ดข้าว ขณะที่ข้าวเริ่มงอก แตกตุ่มรากสีขาวบริเวณจมูกข้าว ช่วงนี้จะมีสารกาบามาก และจะหายไปเมื่อข้าวสร้างใบและรากออกมา กาบาเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณของระบบประสาท จากประสาทต่อประสาทในสมองส่วน กลางและบริเวณประสาทตา (re-tina) มีคุณสมบัติเป็นสารที่ช่วยผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ ลดความเครียด ลดความกังวล และลดอาการชัก สารกาบายังกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และมีบทบาทสำคัญในการ เผาผลาญไขมันเพื่อให้พลังงานและสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย

น้ำข้าวกล้องงอก ทำทานเองได้ไม่ยาก?มีวิธีดังนี้ครับ

1.ต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำราว 48-72 ชั่วโมงหรือ2-3วันในหม้อแช่ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิการไหลเวียนน้ำ ความดัน และความเป็นกรดด่างของน้ำ เพื่อให้ความชื้นจากน้ำไปกระตุ้นให้เมล็ดข้าวงอกและเปลี่ยนกรดกลูตามิกไปเป็นสารกาบาอันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด?ต่อมา?เมื่อได้ข้าวกล้องงอกในขั้นตอนนี้แล้วก็ต้องทำให้ข้าวกล้องงอกหยุดการงอกต่อไป

2.อบแห้งให้มีความชื้นต่ำกว่า 14% ในหม้ออบแห้ง จากนั้นจึงบรรจุลงในถุงสุญญากาศ?ทั้งนี้ ข้าวกล้อง ที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้ดีนั้นจะต้องเป็นข้าวกล้องที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่ เกิน 2?สัปดาห์

3.เมื่อได้ข้าวกล้องงอกเรียบร้อยแล้ว หากใครอยากจะทำ ?น้ำข้าวกล้อง งอก? ก็ไม่ยาก?นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง ให้ข้าวกล้องงอกเป็นตุ่มเล็ก ๆ บริเวณจมูกข้าว?ก็นำไป

4.หุงต้มจนเดือดพล่าน?จากนั้นก็ใช้ผ้าขาวบางหรือตะแกรงกรองน้ำข้าวมารับประทานได้ทันที

ปรุงรสตามชอบ
เท่านี้ก็ได้สูตรทำ น้ำข้าวกล้องงอก?ไว้ทานกันแล้ว

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

กินอย่างไรไม่ให้แก่และอายุยืน


อาหารการกิน เป็นส่วนสำคัญของชีวิต วิธีการกินอาหารของเรามีผลต่อสุขภาพของเราทั้งเรื่องของ
รูปร่าง ผิวพรรณ และการเจ็บป่วยของร่างกาย ซึ่งการกินอาหารของเรามีผลต่อรูปลักษณ์และการช่วยยืดอายุได้ แล้วเราควรจะมีวิธีกินหรือทานอาหารอย่างไรที่จะทำให้มีอายุยืนและไม่แก่

คำตอบคือกินสายกลาง กินสายกลางคือกินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง งดมื้อเย็น
เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน
หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง
ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้

สมมติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม
ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่
จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก.ก.
ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน 60 นาที
จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่
ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น
พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก
เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดยตับเป็นผู้ทำงานนี้
ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆ ก็มาก ทำให้อ้วน
และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด
ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน
เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น
ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น ถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก
ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต
ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง
ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร
ฉะนั้นการกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก
มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก
ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

การไม่กินอาหารมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก
ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี
ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน
วิธีฝึกมี 4 วิธี
1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารมื้อเย็น ทีละน้อยๆ เช่น ลดกินข้าวจาก 2 จาน เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็นแล้ว ห้ามกินอาหารใดๆ ทั้งนั้น ยกเว้น น้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น
2. ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่น จาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น 3 โมงเย็น ฯ
3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่า
คนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว
4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์
พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้
ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม. กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน
ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้า
และเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน

ท่านทราบแล้วใช่ใหมว่า ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติให้พระฉันเพียง 2 มื้อ
คือ มื้อเช้าและมื้อเพล


แค่หายใจเป็นก็ทำให้ชีวิตมีความสุข

ทำอย่างไรคนเราจึงจะสามารถมีความสุขได้ตลอดโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก พุทธศาสนามีวิธีการมากมายที่จะทำให้คนเราได้เข้าถึงความสุขแท้จริง ขอเสนอวิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ เป็นเทคนิคฝึกหายใจเพื่อสกัดสารเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุขภายในร่างกายของเราเอง โดยไม่ต้องไปพึ่งพาอบายมุขใดๆ เป็นเคล็ดลับจาก พระไตรปิฎก
เคล็ดลับจากพระไตรปิฎก ในพระไตรปิฎกอันเป็นแหล่งรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้า หากเราได้อ่านคำสอนเกี่ยวกับการฝึกสติด้วยลมหายใจ(อานาปานสติ) เราจะพบคำสอนที่กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่าหากคนเราสามารถฝึกตนเองให้สามารถรู้สึกว่าลมหายใจของตนเองมีการเข้าออกภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน และ สามารถทำลมหายใจ ของตนให้ละเอียดประณีต ลมหายใจอันละเอียดอ่อนนั้นก็จะทำให้ ร่างกายของเราหรือผู้ที่ฝึกเกิดความสุขอย่างประณีต รู้สึกโปร่งเบา สบายใจ เนื่องจากร่างกายหลั่งสาร เอนดอร์ฟินส์ ออกมา
ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถฝึกฝนตนเองจนสามารถรู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าออกได้ชัดเจนราวกับรู้สึกว่ามีลูกสูบชักเข้าออกอยู่ในระบบหายใจของเรา หายใจยาวก็รู้ว่าหายใจยาว หายใจสั้นก็รู้ว่าหายใจสั้น และสามารถทำลมหายใจให้ละเอียดประณีต หากเราทำได้ตามหลักข้างต้นเราก็จะพบกับความสุข คือ รู้สึกร่างกายสบาย โปร่งเบา (กายสังขารระงับ) เป็นความสุขที่ไม่ต้องไปพึ่งพาสิ่งภายนอก และแน่นอน...หากเราทำได้ตลอด ร่างกายของเราก็จะมีความ สุขตลอดเวลา ต่อไปคือเทคนิคการฝึกหายใจที่สามารถทำให้เรารู้สึกถึงลมหายใจได้อย่างชัดเจน เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ปฏิบัติได้ง่ายสบายใจไม่ต้องมีพิธีรีตองแต่อย่างใด

๑. ขั้นฝึกหายใจ
๑. ทุกๆเช้า ฝึกควบคุมลมหายใจเพื่อเตรียมพร้อมที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขตลอดวัน อย่างน้อย
สัก ๑๐-๓๐ นาที
๒. จะฝึกท่านั่งหรือนอนก็ได้ ตามสบาย (ขอแนะนำให้ปฏิบัติท่านั่ง จะรู้สึก มั่นคงดีกว่า )
๓. ยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุข
๔. ยกมือขวาขึ้นมารอที่ปลายจมูก
๕. หายใจเข้าลึก ๆ อย่างอ่อนโยน พร้อมกับเคลื่อนมือช้า ๆ จากปลายจมูกลงไปตามลำคอ ภาวนาในใจว่า "หายใจเข้า..เบา..บาง...ง " ในขณะที่เคลื่อนมือลงไปให้จินตนาการสมมุติว่ามือของเรากำลังนำพาลมหายใจอันละเอียดอ่อนตามมือไปเรื่อย ๆ เคลื่อนมือลงมาถึงหน้าอก และในที่สุดมือก็พาลมหายใจมาถึงที่สะดือ
๖. หายใจออกยาว ๆ อย่างผ่อนคลาย พร้อมกับเคลื่อนมือช้า ๆ จากสะดือขึ้นมา ภาวนาในใจว่า "หายใจออก สบาย ใจ " ในขณะที่เคลื่อนมือขึ้นมา ให้จินตนาการสมมุติว่ามือของเรากำลังนำพาลมหายใจอันละเอียดอ่อนตามขึ้นมาจากสะดือขึ้นมาถึงหน้าอกผ่าน ลำคอและในที่สุดก็พาลมหายใจออกมาที่ปลายจมูก จากนั้นให้จินตนาการว่าลมหายใจของเราแผ่กระจายลมหายใจไปทุกทิศทางอย่างไม่มีขอบเขต
๗. ให้เคลื่อนไหวมือพาลมหายใจเข้าออกอย่างนี้อย่างช้า ๆ (ข้อที่๔-๕) กลับไปมา พยายามทำความรู้สึกว่าลมหายใจของเราช่างมีความเบาบางละเอียดอ่อนจริงๆ และให้ศึกษาว่าเมื่อเราทำลมหายใจให้ละเอียดประณีตแล้วจะมีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
๘ .หากเราปฏิบัติได้ถูกต้อง เราจะรู้สึกปีติปราโมทย์ ร่างกายสงบระงับ มีความสุขกาย สุขใจ รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้มีความพร้อมที่จะ ดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความมั่นใจ
๙ . หากเราได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติ และ ต้องการจะขอบคุณใครสักคน ขอให้เรานึกถึงรอยยิ้มของพระพุทธองค์ เพราะเทคนิคเหล่านี้นำมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก
๑๐.หากเราคิดจะตอบแทนคุณความดีของพระพุทธองค์ เราสามารถทำได้ ด้วยการช่วยกันศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์โดยตรงจากพระไตรปิฎก แล้วนำไปปฏิบัติประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพียงเท่านี้ก็ถือว่าได้เป็นการตอบแทนคุณความดีที่พระพุทธองค์ทรงพอใจ (ปฏิบัติบูชา)

๒. ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
๑. ในขณะที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ให้เราพยายามตามลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ ให้รู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก ของเราได้อย่างชัดเจนเหมือนกับว่ากำลังมีสิ่งหนึ่งแล่นเข้าออกในทางเดินหายใจตลอดเวลา ยามใดที่เรารู้สึกว่าตามลมหายใจได้ไม่ชัด ให้ใช้มือเคลื่อนไหวช่วยนำลมหายใจสักเล็กน้อย ร่างกายจะก็สามารถรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกได้ทันที
๒. ให้พยายามภาวนาในใจในขณะหายใจเข้าว่า "หายใจเข้าเบาบาง" และ ในขณะหายใจออกว่า"หายใจออกสบายใจ" หากเรา สามารถควบคุมลมหายใจได้ตลอดทั้งวันเช่นนี้ ลมหายใจอันละเอียดอ่อนจะปรุงแต่งให้ร่างกายของเราสงบระงับ ทำให้เราดำเนินชีวิตไปตลอดทั้งวันอย่างมีความสุข
๓. ยามใดที่ได้พบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเช่น ได้ยินได้พบเห็นสิ่งที่ไม่ชอบใจ ผิดหวัง เครียด กดดัน เบื่อหน่าย หรือมีสิ่งภายนอกมายั่วยุรบกวนจิตใจ เราจะรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะ ลมหายใจของเราจะสั้น และ หยาบลง ร่างกายจะรู้สึกไม่สบายทันทีในการแก้ปัญหา ให้เราหายใจให้ลึก และละเอียดเบาบางที่สุด เราจะพบด้วยตนเองว่าการควบคุมลมหายใจจะ ช่วยให้เรา สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เป็นปรกติได้อย่างง่ายดาย ไม่ทุกข์ใจง่าย ๆ เหมือนแต่ก่อน
๔.ในการเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก เราต้องพบปะผู้คน และ ได้รับอิทธิพลจากสิ่งกระตุ้นเร้าต่าง ๆ มากมายรอบตัว หากเราไม่สำรวมระวัง ความทุกข์จะเข้ามาได้โดยง่ายทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ดังนั้นเราจึงควรฝึกคิดมองโลกให้เป็นกุศล คือ มองอย่างฉลาด เกื้อกูลต่อสุขภาพจิต รู้จักคิด คิดเป็น ควบคู่ไปด้วย
ขั้นตอนการปฏิบัติทั้งหมดที่แนะนำมานี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ยังมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ด้านอื่นๆ อีกมากเพื่อให้มีพัฒนาการที่ครบรอบด้าน ได้แก่ การใช้ชีวิตอย่างปรกติ มีพฤติกรรมทางสังคมที่ดี (ศีล) การฝึกฝนจิตใจให้มีสุขภาพจิตดี มีสมรรถภาพจิตดี สมควรแก่การงาน (สมาธิ) ฝึกคิดเป็น คิดถูกต้อง คิดเป็นกุศล ฝึกมองเห็นสภาวะที่เป็นจริงตามธรรมชาติ(ปัญญา)
ดังนั้นเราจึงควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป ไม่ควรหยุดนิ่ง

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คุณมี FW Mail ยอดฮิตครบหรือยัง


มีเมลล์ FWD อยู่ 10 ชนิดที่เชื่อว่าต้องมีอยู่ในเมลล์บ็อฏซ์ของคนเล่นเน็ตเกือบทุกคนที่น่ารำคาญมาก เพราะมันมาแล้วมาอีกอยู๋ได้ ส่วนมากเมลล์ประเภทนี้ก็หนี ไม่พ้นสไตลล์จดหมายลูกโซ่ในอดีต ที่ทำให้คนส่งต่อด้วยความกลัว กลัวคำขู่ที่ตามมาหลอกหลอนบนโลกไซฌบอร์ เฮ่อๆๆๆสนุกจริงหนอ และต่อไปนี้ก็คือ10 อันดับ FWD เมลล์ที่น่ารำคาญที่สุดในโลกที่เราได้จัดอันดับมาให้คนเล่นเน็ตทุกท่านได้ดูกัน มาดูซิว่าในเมลล์บ็อกซ์ ของท่านมีเมลล์ครบ 10 อันดับนี้หรือไม่

อันดับ10 - อีเมลล์ลูกโซ่
ใช่แล้วครับทุกท่าน มันก็คือจดหมายลูกโซ่ธรรมดานี่แหละ ที่ส่งกันมาส่งแล้วส่งเล่าตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ยังจีบกันด้วยจดหมายรัก จนถึงยุคที่ อินเตอร์เน็ตส่งข้อมูล 10MB ต่อวินาทีได้แล้ว ก็ยังมีจดหมายแบบนี้อยู่บนโลกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แถมเนื้อหาก็ยังลอกมาจากต้น ฉบับอาจารย์วิจิตรธรรมโชติเมื่อ 30 ปีก่อนยังไงอย่างนั้น ช่างน่าภุมิใจจังที่เราสามารถอนุรักษ์มรดกของชาติได้เยี่ยมขนาดนี้ เนื้อหาก็จะ ประมาณว่าจดหมายฉบับนี้มีมนต์วิเศษ ส่งต่อ 20 คนจะโชคดี ถ้าไม่ส่งตายแน่เหมือนอย่างนายสมชายสมหมายทหารอากาศอะไรทั้ง หลายแหล่ที่ตายแล้วตายอีกในหลักฐานอ้างอิงเพื่อเพิ่มความน่าชื่อถือ ถ้าท่านอยากเป็นคนงมงายในยุคอินเตอร์เน็ตก็เชิญส่งต่อนะครับ แต่ถ้าอยากฉลาดขึ้นบ้างก็...ลบทิ้งเสียเถอะ

อันดับ9 - เจ้าแม่กวนอิมโชคดี+พระพิฆเนศโชคดี
สมัยนี้เค้าเผยแพร่ความโชคดีบนอินเตอร์เน็ตแล้วครับท่านผู้อ่าน เมลล์ประเภทนี้จะมีรูปเจ้าแม่กวนอิมหรือไม่ก็พระพิฆเนศที่ถ่ายมาจาก ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่มันเหมือนกันทุกฉบับเลย ดูเผินๆบางคนอาจจะแย้งว่า คนส่งเค้าอยากให้คนได้รับโชคดีไง จะบอกว่าเนื้อหาหลักๆเหมือนกับ อันดับ 10 ไม่มีผิดเพี้ยนครับ แค่เปลี่ยนคำว่าโชคร้ายเป็นโชคดีเท่านั้น แถมยังขู่เหมือนเดิมว่าถ้าไม่ส่ง ซวยแน่ กร๊ากๆๆๆ บางเวอร์ชั่นดีหน่อยครับที่ไม่ได้ขู่มาด้วย แต่อยากจะบอกว่าการที่เราเช็คเมลล์แล้วพบเมลล์จากเพื่อนๆ 10คน ต่างคนต่างส่งเมลล์หัวข้อนี้มา เหมือนกันทุกคนเรียงเป็นตับในเมลล์บ็อกซ์ของเรามันน่ารำคาญโว้ยยยยย

อันดับ8 - ลูกผมป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
อันดับนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย คือดูเผินๆแล้วผู้ส่งต้องการความช่วยเหลือแน่ๆ จึงมาโพสท์แบบนี้ บวกหน้าตาที่อยู่พร้อม แต่จะบอกว่า เมลล์แบบนี้ ห้าปีผ่านไปก็ยังฟอร์เวิร์ดกันให้เกลื่อน คือถ้าลูกคุณป่วยเป็นมะเร็งและต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ยังรอคนใจดีอยู่ได้ตั้ง 5 ปีแบบนี้ ขอคาดการณ์ว่าร่างกายคงมีภูมิต้านทานดีขนาดหนักแล้วครับ ไม่ก็ตายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องฟอร์เวิร์ดต่อหรอก เพราะมีกรณี นึงที่มีคนลองติดต่อไปแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทางต้นสายบอกว่าเป็นเรื่องเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผลร้ายจากความใจดีของพวกเรานั่นเองที่เห็น แล้วสงสาร ฟอร์เวิร์ดไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอใครที่ใจบุญกว่า แต่บอกตามตรง เท่าที่เคยประสบมา คนฟอร์เวิร์ดจะไม่ให้ความช่วยเหลือ ส่วน คนช่วยเหลือจะไม่ฟอร์เวิร์ด ฮ่วย! ถึงผู้ใดก็ตามที่ประสบปัญหาแนวๆนี้ ขอแนะนำว่าอย่าส่งทางเมลล์เลยครับ เพราะเมื่อมันเผยแพร่ในโลกไซฌบอร์แล้ว มันค้างนาน และมัน จะกระจายเป็นวงกว้างซึ่งไม่มีทางยับยั้งได้ แม้คุณจะได้รับการช่วยเหลือแล้วคุณก็ยังอาจจะได้รับการติดต่อมาอีกต่อไปเป็นปีๆ ทางที่ดีไป ลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรืออะไรทำนองนั้นดีกว่านะ
อันดับ7 - ไม่ส่งต่อ ไม่มีแฟน
ไม่รู้ว่าคนเราสมัยนี้กลัวการไม่มีแฟนมาก หรือไม่ก็ไม่มั่นใจในฝีมือการจีบของตัวเอง จึงส่งกันเป็นว่าเล่น เมลล์ประเภทนี้จะขึ้นต้นด้วยข้อ ความดีๆ ภาพน่ารักๆ แต่เสือกลงท้ายด้วยข้อความประมาณว่า ส่ง 1-5 คน จะโชคดีเล็กๆน้อย ส่ง 6-15 คน จะเจอเนื้อคู่ ส่ง 16-30 คน เนื้อคู่จะโทรมาหาใน 10 นาที (ดูมัน ยังกะโฆษณาทีวีไดเรคต์) และถ้าไม่ส่ง โสดตลอดชาติ ประมาณนี้เป็นต้น สังเกตว่ามีระดับความโชคดีให้เลือกด้วย ใครคิดว่าตัวเองโชคดีอยู่แล้วก็ส่งน้อยๆ ใครคิด ว่าดวงซวยก็ส่งเยอะๆ อืม...เหมือนชิงโชคเลยเนอะ แต่รู้สึกส่งชิงโชครายการคุณปัญญาจะมีโอกาสมากกว่าซะอีกนะ
อันดับ6 - กินชาเขียวเย็นเป็นอันตราย
เมลล์ประเภทนี้มีมาเป็นระยะๆ ตามแต่ว่าอะไรที่ฮิตในช่วงนั้น ช่วงแรกมันเป็นโค้ก กินโค้กแล้วอันตราย เอาตะปูแช่โค้ก 1 วัน ตะปูละลาย ต่อมาก็เป็นชาเขียวเย็น กินแล้วไขมันจับ เพราะมันเย็น พิสูจน์ได้ด้วยการเทชาเขียวเย็นลงในชามก๋วยเตี๋ยว แล้วจะเห็นไขมันจับเป็นก้อน ปัด โธ่ เทอะไรเย็นๆลงน้ำซุป มันก็จับหมดแหละคุณ (ไม่เชื่อไปลองดูได้) หรือไม่ต้องเทน้ำอะไรหรอก เอาก๋วยเตี๋ยวไปแช่เย็น สักพักมันก็จับไข แล้ว เมลล์แบบนี้จะใช้ข้อความเมหือนยกข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง ซึ่งถ้าใครฉลาดๆหน่อยก็จะจับผิดได้ว่ามันไม่เป็นจริง ส่วนใคร โง่ๆก็...ฟอร์เวิร์ดต่อปายยย (ล่าสุดนี่รู้สึกจะเป็นโรตีบอยแล้วนะ มันอินเทรนด์ดีโว้ยคนเขียนเมลล์แบบนี้)
อันดับ5 - จุดจบประเทศไทย
เขียนโดย นิติภูมิ เนาวรัตน์ ชายหนุ่มผู้มองเห็นประเทศอื่นดีกว่าเราในทุกด้าน ส่วนเมืองไทยนั้นกระจอก คอรัปชั่น เฮงซวย ล่มสลายแน่ๆถ้า ไม่เชื่อกรู ไม่รู้มันเกิดมาเป็นคนไทยทำไมเหมือนกัน เมลล์ชนิดนี้เนื้อหาเหมือนต้นฉบับเพราะลอกมา เนื้อหาจะเกี่ยวกับประเทศไทยในปี 2550 ที่จะถูกน้ำท่วม ภัยพิบัติ ฯลฯ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเหมือนอาร์เจนติน่า ฯลฯ ดีเหมือนกันวงการฟุตบอลบ้านเราจะได้ไปบอลโลกซะที เมลล์แบบนี้จริงๆก็จัดว่ามีประโยชน์ เสียแต่ว่ามันทำให้เกิดความแตกแยกได้ง่าย หากผู้อ่านไม่มีวิจารณญาณ จริงๆคือพวกเราได้แต่อ่าน แล้วก็ส่ง ทำอะไรไม่ได้นอกจากเกลียดคนที่ถูกอ้างถึงในเมลล์โดยไม่มีหลักฐานอย่างอื่นประกอบการตัดสินใจเลย อีกอย่างคือ เมลล์แบบเนี้ย ไม่ต้องส่งหรอก ถ้าในปี 2550 มันจะเป็นอย่างที่อ้างจริงๆ ผู้เขียนเค้าก็มีหลักฐานการเขียนของเค้าอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องส่งต่อเพียงเพื่อ ประกาศให้รู้ว่ากรูเก่งหรอก มันน่ารำคาญรู้มั้ยเพราะว่ามีเมลล์เนื้อหานี้ในเมลล์บ็อกซ์เกือบร้อยฉบับแล้ว
อันดับ4 - ฟอร์เวิร์ดไป 18 คนแล้วกด Atl+F8
ไม่รู้ว่ามีที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเพราะโปรแกรมอีเมลล์เมื่อสมัยสิบปีก่อนมีฟังก์ชั่น Atl+F8 ก็ได้ ปัจจุบันมันไม่มีใช้แล้ว แต่เมลล์แบบนี้ก็ อาศัยความอยากรู้ของผู้ส่งมาทำให้มันถูกฟอร์เวิร์ดมาเรื่อยๆนับสิบปีแล้ว (พูดตรงๆก็คือผมได้เมลล์แบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นเน็ตเมื่อปี 2543 จนบัดนี้ก็ยังได้รับอยู่) เนื้อหาก็จะเป็นว่า มียายแกไปซื้ออาหารหมา อาหารแมว สุดท้ายก็ให้คนขายล้วงไปในกล่อง ถ้าอยากรู้ว่าในกล่องมี อะไร ให้ฟอร์เวิร์ดไป 18 คน แล้วกด Atl+F8 หรืออะไรทำนองนี้ ก็จะพบคำตอบ บางเมลล์เล่นง่ายกว่านั้น ไม่ต้องอารัมภบทมาก มาถึงก็ บอกให้ส่งเลย แล้วกดดูจะพบว่ามีอะไรเปลี่ยนไป ไม่ต้องส่งต่อนะครับ ขอร้อง เพราะตั้งแต่มันถูกส่งมาในโลกนี้ ยังไม่เคยมีใครสักคนรู้เลยว่ากด Atl+F8 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ...จริงๆอาจ จะพบก็ได้ ...พบว่าตัวเองโง่นั่นเอง
อันดับ3 - รูปถ่ายวิญญาณ ชายผู้ล่วงลับ
เมลล์แบบนี้เอาความน่ากลัวเข้าว่า เริ่มจากบอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่ไปเที่ยวป่า แล้วถ่ายรูปติดวิญญาณมา สองสามวันถัดมาเขาก็ตาย หากใครไม่อยากตาย ให้ส่งต่อ 10 คน มิฉะนั้นวิญญาณในรูปจะตามไปที่บ้าน ตบท้ายด้วยรูปถ่ายวิญญาณที่น่ากลัวก็จริง แต่รู้ว่าตัดต่อ เพราะไอ้ผีในรูปนั้น ไปเสิร์ชเวบผีเวบไหนมันก็มี (ใครไม่มี เชยมาก) เป็นรูปต้นแบบที่ถูกนำมาใช้ตัดต่อบ่อยที่สุด
อันดับ2 - ยายมาหา
อันนี้ยังเล่นกับความน่ากลัวไม่เลิก ด้วยการให้เด็กชายคนหนึ่งเล่าเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับยายตัวเองจะมาเอาชีวิต แกเลยหาทางรอดด้วยการ บอกว่าให้ไปเอาชีวิตคนอ่านเมลล์นี้แทน -_-" ฉลาดมากหนุ่มน้อย ไม่ยักรู้ว่ายายเอ็งเล่นเน็ตเป็นด้วย เมลล์นี้ยอมรับว่าน่ากลัวจริง แต่ก็ได้มา จนหายกลัวไปแล้ว ถ้ายายอยากได้วิญญาณจริง ไปหาวิญญาณเป็ดไก่ตามตลาดสดจะเจอเยอะกว่านะยายจ๋า วันนึงเป็นร้อยตัวเลย
อันดับ1 - ฮ็อตเมลล์เก็บตัง
มาแล้วครับ กับอันดับยอดฮิตที่สุดบนโลกมนุษย์ เมลล์นี้มีเนื้อหาบอกว่า ทางฮ็อตเมลล์จะทำการเก็บเงินผู้ใช้เมลล์ @hotmail โดยผู้ส่ง เมลล์จะให้พวกเราช่วยกันฟอร์เวิร์ดไปเยอะๆ เค้าจะได้สงสาร และยกเลิกการเก็บตัง -_-" เมลล์แบบนี้ก็ได้มาตั้งแต่เล่นเน็ตสมัยแรกๆแล้ว ถ้ามันเป็นจริง ก็นับว่าฮ็อตเมลล์ใจดีมาก จะเก็บตังมาตั้งหลายปีแล้วก็ไม่เก็บสักทีเพราะมีคนฟอร์เวิร์ดเยอะ ว่าแต่มันจะรู้ได้ไงวะว่ามีคน ฟอร์เวิร์ดน่ะหืม? แรกๆมันเป็นแค่ข้อความ ต่อมานี้ลงทุนทำแบนเนอร์ปลอมที่มีสัญลักษณ์ฮ็อตเมลล์ให้ดูน่าเชื่อถือขึ้น ล่าสุดนี่สงสัยรู้ตัวว่า ไม่ได้ผล เลยใส่เพิ่มลงไปในหัวข้อด้วยว่า "คราวนี้เอาจริงแล้ว ฮ็อตเมลล์จะเก็บตังเราแล้วล่ะ!" (มีการขู่ 555) เคยลองทำเมลล์ปลอมแบบนี้เหมือนกันเพื่อให้เลิกส่งเมลล์สไตล์นี้ โดยการใช้เนื้อหาว่าฮ็อตเมลล์ต้องเสียเงินนับร้อยล้านดอลล่าร์เพิ่อแก้คดีคน เข้าใจผิดว่าเขาจะเก็บตัง และประากศจะจับตัวผู้ที่ส่งเมลล์ที่ทำให้ทางเขาเสียหาย นั่นคือใครฟอร์เวิร์ดเมลล์แบบนั้นอีก จะถูกตามรอยมา ถึงบ้านและถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกันทุกคน ผลก็คือ FWD mail หัวข้อ "ฮ็อตเมลล์เก็บตัง" ก็ยังคงฮิตไม่เสื่อมคลาย

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เลือกของขวัญมัดใจสาวตามราศี

เข้าสู่เทศกาลส่งต่อความสุขด้วยการให้ของขวัญ แต่จะเลือกอย่างไรให้ถูกใจคนรับจนต้องยิ้มแก้มปริ มีทริคมีคำทำนายนิสัยสาวทั้ง 12 ราศี พร้อมให้ไอเดียการเลือกของขวัญชิ้นพิเศษให้เก๋ไก๋ไม่มีใครเหมือน
เริ่มจากสาวราศีมังกร
เป็นคนเจ้าระเบียบ เคร่งเครียดซีเรียสกับทุกเรื่อง ของที่ใช้จึงติดเนี้ยบและเป๊ะสักหน่อย สีที่ถูกโฉลกจึงเป็นโทนสีขรึม เช่น เทา ขาวดำ น้ำตาล ของขวัญที่เห็นแล้วต้องถูกใจแนะนำให้เป็นกระเป๋าสะพายทรงคลาสสิก สีเรียบ ใช้ได้นาน หรือปากกาดีๆ สักด้ามไว้จดรายละเอียดในชีวิต
สาวราศีกุมภ์
ที่มีนิสัยเชื่อมั่นในตัวเองสูงเหลือเกิน จนบางครั้งแอบดื้อเงียบ จึงชอบอะไรที่แตกต่างและแหวกกฎเกณฑ์ไม่เหมือนชาวบ้าน ของที่ให้จึงต้องเป็นอะไรที่มีรายละเอียดเฉพาะตัว เช่น สร้อยข้อมือหรือต่างหูสไตล์วินเทจ หรือเครื่องประดับที่มีอัญมณีหรือเพชรน้ำงามประดับอยู่
ส่วนสาวอ่อนหวาน ช่างฝันอย่างราศีมีน
เป็นพวกอารมณ์ศิลปินและโรแมนติกสุดๆของที่ใช่จึงต้องเป็นสิ่งที่ดูหวานหรือละมุนละไม อย่างเช่นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีกลิ่นหอม หรือถุงเครื่องหอมแขวนในตู้เสื้อผ้ากลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์
มาต่อกันที่สาวใจร้อน กล้าได้กล้าเสียอย่างราศีเมษ
ที่พร้อมลุยไปได้ทุกที่ เฮไหนเฮนั่น ของที่เหมาะจึงต้องเป็นของเท่ๆ หรือเป็นทรงเหลี่ยม ทรงตรง ดูแข็งแกร่ง เช่น กำไลข้อมือแกะสลักประดับหินสีดำ หรือพวงกุญแจลายเท่ทำจากเงินหรือเหล็ก
สาวราศีพฤษภ
ชอบแสดงความรัก ใจอ่อนง่าย รักสวยรักงามเป็นพิเศษ ดังนั้นของที่สาวราศีนี้จะปลื้มมากเป็นพวกของมีค่าอย่างเครื่องประดับที่สั่งทำให้เป็นพิเศษ เช่น กำไลข้อมือประดับไข่มุกหรือ แหวนรูปดอกไม้ประดับอัญมณี
ราศีเมถุน
เป็นคนมีสองบุคลิก อาจจะเดาใจยากสักหน่อย เพราะนอกจากจะมีอารมณ์ขัน สนุกสนาน จึงทำให้ดูมีเสน่ห์ในสายตาคนรอบข้าง แต่ยังเป็นคนรักการดูแลตัวเอง ของที่เหมาะควรเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หน้าและผิวกาย น่าจะชนะใจสาวราศีนี้ได้ไม่ยาก
ราศีกรกฎ
เป็นสาวอบอุ่น อ่อนไหว อ่อนโยน มีความเป็นเพศแม่สูง ชอบสะสมของเก่า และรักการตก แต่งบ้านเป็นที่สุด ของที่เหมาะน่าจะมีให้เลือกมาก เช่น เชิงเทียนประดับ ต้นคริสต์มาสที่ทำจากคริสตัล ถาดเงินใส่ผลไม้ ไปจนกระทั่งชุดชั้นในลูกไม้ลายเซ็กซี่ก็เป็นอีกชิ้นที่น่าจะถูกใจ เพราะสาวราศีนี้ก็แอบมีมุมหวานซ่อนอยู่
ราศีสิงห์
เป็นหญิงที่มีพลังอำนาจและความน่าเกรงขามที่สุดในทุกราศี เธอจึงเป็นคนที่มีรสนิยมดีเป็นเลิศ ของขวัญที่ถูกใจจึงควรเป็นแอคเซสซอรี่ที่ดูหรูหรา ถ้าเป็นน้ำหอมก็ต้องเป็นกลิ่นคลาสสิก ไม่เหมือนใคร หรือถ้าเป็นกระเป๋าต้องเป็นหนังที่มีคุณภาพดี
สาวราศีกันย์
มีความเป็นผู้หญิงสูง แอบเจ้าระเบียบเล็กน้อย ชอบของกระจุกกระจิก ของขวัญที่น่าจะถูกใจเหมาะเป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ หรือเครื่องประดับสีขาวบริสุทธิ์ เช่น สร้อยคอหรือแหวนที่มีลูกเล่น แต่ของห้อยกระเป๋าหรือคล้องโทรศัพท์น่ารักๆ สาวราศีนี้ก็น่าจะชอบ
ต่อมาที่ราศีตุลย์
เป็นสาวที่รักความยุติธรรม ชอบเข้าสังคม ใช้ชีวิตแบบเนี้ยบสุดขีด ของทุกอย่างต้องคัตติ้งเฉียบ ของที่ถูกใจน่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์ดังทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์หรือถือไม่จำกัดลวดลายขอให้มีคุณภาพดีเป็นพอ
ราศีพิจิก
มีความสง่างาม สุขุม ชอบเรื่องลึกลับ แต่กลับมีนิสัยใช้สิ่งของตรงข้ามกับอุปนิสัย เพราะชอบของที่มีสีสันสวยงาม สดใสไม่มึนทึบ ชอบฟังเพลงหรือท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ของขวัญเลือกที่รูปทรงและสีสันให้สะดุดตาเข้าไว้ เช่น ผ้าคาดผมสีฟ้าน้ำทะเล หรือพวงกุญแจสีแดงสด
ปิดท้ายที่ราศีธนู
สาวที่รักการณ์ไกล ชอบผจญภัย สนใจงานศิลปะและดนตรี ของที่ชอบเน้นให้เรียบหรู ดูดี แต่ต้องไม่เชยเด็ดขาด ของขวัญเหมาะเป็นกระเป๋าถือรุ่นคลาสสิก หรือน้ำหอมกลิ่นอ่อนที่มีส่วนผสมของไม้เป็นหลักช่วยให้รู้สึกเบาสบาย

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อาหารแก้หวัด

ในช่วงฤดูฝนนี้ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูเหมือนว่าคนจะเป็นหวัดกันมากขึ้น
ซึ่งเราสามารถป้องกันหวัดด้วยวิธีง่ายๆ กับอาหาร 7 อย่างที่ช่วยต้านหวัด

1.โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตนับล้าน ที่ปกป้องร่างกายจากแบคทีเรียอันตรายและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายเรา พวกมันเหมือนกองทหารที่อยู่ในลำไส้ คอยขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่คิดร้าย โดยกองทหารพวกนี้ มีชื่อคุ้นหูว่า 'โปรไบโอติกส์' ทั้งแล็กโตบาซิลลัส และไบไฟโดแบคทีเรียม ซึ่งจะไปเพิ่มเม็ดเลือดขาว ในร่างกายและป้องกันเชื้อโรคได้นั่นแหละ

2.ชา
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ยอดนิยมรองลงมาจากน้ำเปล่า ชาทั่วไปจะมีสารโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าแบคทีเรีย ไวรัส และยับยั้งอาการอักเสบ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าประโยชน์ส่วนหนึ่งของชาอยู่ที่ความอุ่น สำหรับคนที่เป็นหวัดแล้ว เครื่องดื่มหรือน้ำซุปอุ่น ๆ จะให้ความรู้สึกไหลลื่น และการสูดเอาไออุ่น ๆ จากชาเข้าไปก็จะช่วยให้โล่งจมูกได้มาก อย่างไรก็ดี การเติมนมลงไปในชา อาจทำให้ร่างกายของเราดูดซึมสารคาเตชินได้ไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้น ถ้าอยากต้านหวัดจริง ๆ ก็ดื่มชาอุ่น ๆ ธรรมดาดีกว่านะ

3.หอยนางรม
อย่าเอ็ดไป แต่เขาบอกว่า หอยนางรมคือยาปลุกพลังชั้นดีที่สุดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เพราะสังกะสีที่มีอยู่ในหอย จะช่วยปลุกฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนให้แก่ทั้งชายและหญิง หุหุ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นอยู่ที่ว่า สังกะสีช่วยปกป้องเราจากหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ต่างหาก มันจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น เพื่อตักจับและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย แต่ทั้งนี้ FDA เขาก็เตือนมาว่าอย่ากินสังกะสีเกินวันละ 11 มิลลิกรัม ไม่งั้นมันจะเป็นพิษ โดยหอยนางรมตัวปานกลางหนึ่งตัวจะมีสังกะสีมากถึง 12.7 มิลลิกรัม มากกว่าปริมาณที่สาว ๆ ต้องการในหนึ่งวันอีกนะ ดังนั้น 1 วัน 1 ตัว ก็พอแล้วจ้า

4.ขมิ้น
ใครนึกไม่ออกว่าจะกินขมิ้นอย่างไรก็ควรจะลองกินแกงกะหรี่สีเหลืองดู และสาเหตุที่ขมิ้นมีสีเหลืองออกทองก็เป็น เพราะสารเคอร์คิวมินซึ่งเป็นโพลิฟีนอลตัวหนึ่งนี่เอง โดยการศึกษาในปี 2008 จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ชี้ว่าสารเคอร์คิวมินนี้ช่วยไม่ให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ สำหรับผงขมิ้นแล้ว ถ้าใช้ภายนอกจะมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้ออีกด้วย...วิเศษสุด ๆ

5.พริกหวานสีแดง
ถ้าเทียบกันแบบนักมวยกิโลฯ ต่อกิโลฯ พริกหวานสีแดงมีวิตามินซีมากกว่าผักและผลไม้อื่น ๆ ถึงสองเท่า วิตามินซี เป็นที่รู้จักดีในฐานะวิตามิน เพื่อดูแลผิวพรรณ ดังนั้น เมื่อผิวพรรณแข็งแรง ก็เท่ากับว่าปราการด่านแรกของร่างกายแข็งแรงไปด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวและการสร้างแอนตี้บอดี้ด้วย

6.ฟักทอง
ท่องกันมาตั้งแต่เด็กว่าฟักทองมีวิตามินเอ และวิตามินเอนี่ล่ะที่ช่วยให้เซลล์ แต่ละเซลล์ของเราสื่อสารกันได้อย่างปกติ (จึงช่วยป้องกันมะเร็งด้วย) การกินวิตามินเอเป็นประจำจะทำให้ทางเดินหายใจมีสุขภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งเหมาะกับหน้าหวัดเป็นอย่างยิ่ง แต่จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งดีใจไป การกินวิตามินเอมากเกินไปไม่ดีเลยนะ มันอาจไปสะสมอยู่ในเซลล์ไขมัน และเมื่อมีมาก ๆ ก็เป็นอันตรายได้ ถ้าใครคิดอยากกินวิตามินเอจากแคปซูล ก็น่าจะลองกินฟักทองดีกว่านะ ปลอดภัยกว่ากันเยอะ

7.บร็อกโคลี่
สีเขียวเข้มสวยกับใบพุ่มใหญ่ ๆ คอยบอกใบ้ว่าบร็อกลี่ดีต่อสุขภาพของเรามาก ๆ บร็อกโคลี่เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลผักกาด ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย และเป็นแหล่งของวิตามินเอ ซี อี นอกจากนี้ ยังมีสารกลูโคไซโนเลต สังกะสี และซีลีเนียม ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานจากเชื้อโรคต่าง ๆ ขอแค่เพียง บร็อกโคลี่วันละหนึ่งถ้วย เราก็ได้วิตามินซี เท่าที่ต้องการในแต่ละวัน ป้องกันเชื้อโรค และอาการอักเสบภายในร่างกายได้

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ช่วยกันดูแลตับกันเถอะ


ตับ เป็นอวัยวะสำคัญ และใหญ่ที่สุดของร่างกายที่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง ทั้งทำลายสารพิษต่างๆ ที่เข้าไป หรือสร้างขึ้นภายในร่างกาย ทำลายหรือทำให้ยาต่าง ๆ ออกฤทธิ์ดีขึ้น สร้างน้ำดี สารที่ทำให้เลือดแข็งตัว และฮอร์โมนหลายชนิด รวมทั้งมีบทบาทสำคัญต่อภูมิต้านทานของร่างกาย ควบคุมการเผาผลาญและสร้างสารอาหารหลาย ๆ ชนิด เช่น สร้างน้ำตาลกลูโคส กรดอะมิโนและโปรตีน ไขมันทั้งไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอล ทำให้วิตามินทำงานได้ดีขึ้น และเป็นแหล่งสะสมวิตามินหลายชนิด

ตับ จึงเปรียบเสมือนแผนกพลาธิการของร่างกาย เพราะควบคุมการใช้สารอาหารส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อตับทำงานไม่ปกติ จึงทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้มาก และอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ การถนอมรักษาตับจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่งแต่ถ้าป่วยแล้วล่ะ
กินถูกหลักจะช่วยได้หรือไม่ อย่างไร การกินอาหารถูกหลักในคนที่ป่วยเป็นโรคตับจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโรคและระยะของโรค เช่น
- ตับอักเสบจากสุรา ถ้าขาดอาหารจะมีอัตราตายสูงกว่าคนที่ไม่ขาด และถ้าได้รับสารอาหารครบถ้วนในปริมาณเพียงพอ จะช่วยการฟื้นตัวของตับให้ดีขึ้นได้
- ตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบ ถ้าได้รับอาหารครบถ้วนในปริมาณเพียงพอ จะช่วยการฟื้นตัวของตับให้ดีขึ้นได้
- ไขมันแทรกในตับ ในขณะนี้ การลดอาหารและลดน้ำหนักเป็นวิธีเดียวที่ได้ผลในการลดปริมาณไขมันที่แทรกในเซลล์ตับ และลดความเสี่ยงของการเกิดตับแข็งตามมา
- ตับแข็ง มีการดัดแปลงสารอาหารบางอย่างที่จะลดอาการของคนที่ป่วยได้ เช่น ถ้าบวมหรือมีน้ำในท้อง ต้องลดเกลือโซเดียมและอาหารเค็ม ถ้ามีอาการหมดสติหรือซึมจากตับวาย การปรับปริมาณและประเภทของโปรตีน จะช่วยลดอาการของผู้ป่วยได้
- มะเร็งตับ ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่แก้ไขโรคมะเร็ง แต่การกินอาหารให้ถูกหลักจะช่วยเตรียมสภาพร่างกายของผู้ป่วยให้พร้อมรับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือการให้ยาอื่น ๆกินถูกหลัก ช่วยสร้างเสริมตับได้จริงนะ ในภาวะปกติ :ไม่จำเป็นต้องเลือกกินอาหารแบบใดเป็นพิเศษเพื่อบำรุงตับ เพียงแค่กินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อตับ ตามที่ได้กล่าวถึงไว้แล้วเท่านั้น ในกรณีที่มีตับอักเสบ :หรือผู้ป่วยตับแข็งระยะต้น ๆ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเพียงพอ เพื่อช่วยการซ่อมแซมตับและทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ป้องกันภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ๆ ไม่จำเป็นต้องงดไขมัน ยกเว้น มีอาการท้องอืดหลังกินอาหารมัน ๆ และไม่ต้องกินคาร์โบไฮเดรตเพิ่ม ในขณะที่มีตับอักเสบตามความเชื่อสมัยก่อน เพราะทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นมากได้ ในระยะที่มีตับอักเสบ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยกินวิตามินเสริม เพื่อช่วยในการซ่อมแซมตับ แต่ไม่ควรซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกินเองในช่วงนี้ เพราะอาจมีผลข้างเคียงต่อการทำงานของตับได้
ถนอมตับไว้ไม่ให้สึกหรอก่อนวัย วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันโรคที่ป้องกันได้ เช่น
- ฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบ
- ระวังการกินยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อาจมีผลข้างเคียงต่อตับ
- งดหรือลดการดื่มสุรา - งดกินปลาดิบ เพื่อป้องกันพยาธิใบไม้ในตับ
- ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารซึ่งจะมี”อฟลาทอกซิน”ปนเปื้อน
สำหรับการกินอาหารเพื่อถนอมรักษาตับ ประเด็นที่สำคัญ คือ ป้องกันโรคอ้วนและหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีคาร์โบโฮเดรตสูงต่อเนื่องในปริมาณมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุกระตุ้นให้มีไขมันแทรกในตับได้มากขึ้น
ฝากไว้อีกนิด ”ตับ” เป็นอวัยวะที่สำคัญมากในการดำรงชีวิต และมีเพียงชั้นเดียว การถนอมรักษาตับเพื่อป้องกันตับแข็งและมะเร็งตับ จึงมีความสำคัญมาก และควรป้องกันตั้งแต่ยังไม่เกิดโรคจะดีกว่ารอให้เกิดปัญหาแล้วจึงมาดูแลค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจากรศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงษ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราช